แชร์!! วงจรชีวิตก่อนเข้าสู่วงการ คาสิโน ปอยเปต
บทความที่นำเสนอต่อไปนี้เป็นการแชร์ประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นก่อนเดินทางเข้าสู่วงการ คาสิโน ปอยเปต โปรดใช้วิจารณญาณในการเล่าเรื่องเพราะเนื้อหาอาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มมาเฟียเมืองไทยและกลุ่มอิทธิพลคาสิโนย่านปอยเปต เริ่มต้นที่ผมเป็นลูกชาวนาอยู่ต่างจังหวัดการทำมาหากินก็แสนยากเย็นจะได้ตังค์แต่ละบาทก็ทั้งทุกข์ทั้งยาก เมื่อเติบโตอายุได้21ปีก็ได้สมัครเป็นทหารเกณฑ์รับใช้ชาติได้2ปีก็ปลดประจำการ ต่อมาได้รู้จักกับผู้มีพระคุณคนหนึ่งซึ่งเข่าได้พาไปทำงานที่บ่อนใต้ดินในกรุงเทพ (ขอสงวนชื่อบ่อนแห่งนั้น) รายได้เริ่มแรกเมื่อเข้าสู่วงการพนัน ณ สมัยนั้นวันแรกได้เงินประมาณ 2,000 บาทรู้สึกดีใจมากที่สุดไม่เคยเห็นเงินเยอะขนาดนั้น การทำงานในบ่อนเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมาถือว่าเข้าไปอยู่ในวงการแบบยากที่สุด ต้องมีเซียนพนันหรือพวกเจ้าพ่อมาเฟียฝากเข้าไปถึงจะได้ทำงาน ก็ลองคิดดูว่าเงินหลักพันบาทสมัยก่อนจะมีค่ามากขนาดไหน การทำหน้าที่ในตอนนั้นก็ไม่ได้มากมายอะไรคือคอยเดินตามนักเล่นที่มีชื่อเสียงแห่งวงการพนันพูดบ้านๆว่า “เดินตามเจ้าพ่อ” ผมทำอยู่ในบ่อนใต้ดินก็ราวๆสักสามเดือนเห็นจะได้ ต่อมาก็ออกมาอยู่บ้านนอกอีกครั้งจนกระทั่งได้รับข่าวดีจากผู้มีพระคุณว่าเขาจะพาไปเที่ยวที่ คาสิโนปอยเปต โดยให้ตัวกระผมเดินทางไปด้วยตนเอง ตอนนั้นความรู้สึกเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์เพราะว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเยือนต่างประเทศเลยสักครั้งแค่ได้ไปย่านตะเข็บชายแดนก็ดีใจมากมายแล้ว ก่อนที่จะเดินทางก็ได้สอบถามผู้มีพระคุณถึงเรื่องการเดินทางว่าไปตรงไหนอย่างไร การเดินทางก็เป็นไปด้วยความยากลำบากทุลักทุเลมีเงินในกระเป๋าเพียงแค่1,000บาท โดยขึ้นรถเมล์จากต่างจังหวัดจุดมุ่งหมายปลายทางที่อรัญประเทศ แต่ในขณะเดินทางนั้นรถเมล์โดยสารเกิดยางระเบิดต้องเสียเวลาไปเป็นชั่วโมง เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางต่อไปถึงสถานีขนส่งอรัญประเทศก็ราวๆสัก 16.30 น. จากนั้นได้นั่งสามล้อเครื่องเดินทางต่อไปยังตลาดโรงเกลือซึ่งก็ใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง พอถึงหน้าด่านสมัยนั้นด่านเข้าออกยังเป็นแบบผ่อนปรนไม่ใช้ด่านถาวร มีทหารพรานคอยดูแลด่านพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง การเข้าออกก็ใช้หนังสือผ่านแดนหรือใช้แค่บัตรประจำตัวประชาชนเท่านั้น แต่เมื่อผมไปถึงที่ด่านผ่อนปรนอัรญปรากฏว่าด่านได้ปิดไม่ให้คนเข้าออกแล้ว ตอนนั้นผมมองเห็นผู้มีพระคุณออกมายืนรอรับแต่ว่าได้แต่มองเห็นเท่านั้นไม่สามารถเดินข้ามไปได้ ต่อมาผมก็ได้โทรศัพท์ไปหาผู้มีพระคุณอีกครั้งโดยเขาบอกว่าให้ไปนั่งรอในลานจอดรถตรงตลาดโรงเกลือ เดี๋ยวจะมีคนมารับแล้วพาเข้า บ่อนคาสิโนปอยเปต จากนั้นผมก็นั่งรอไปจนเวลาเริ่มมืดแล้วเกิดมีฝนตกลงมาอย่างแรงสุดๆพูดง่ายว่ามืดฟ้ามัวดินเลยทีเดียว พอสักพอหนึ่งก้อมีชายไม่ทราบชื่อไม่เคยรู้จักเขาก็จะเข้าวิธีเดียวกับผมนั่นแหละ พอได้เวลาสักประมาณ 2 ทุ่มก็มีคนที่พาข้ามด่านในสมัยนั้นมารับแล้วเขาบอกว่าค่าใช้จ่ายในการเข้าออกต้องใช้เงิน 800 บาท แต่ว่าโอ้พระเจ้าผมเหลือเงินจากการเดินทางไม่ถึงจำนวนดังกล่าวมีทั้งเหรียญสิบและแบงค์ยี่สิบเต็มไปหมด เมื่อนับจนเกลี้ยงกระเป๋าล้าก็ไม่ถึง800บาท ผมจึงตัดสินใจไปขอเงินกับคนที่จะเข้าพร้อมกันอีก 40 บาทเพื่อให้ครบตามจำนวน ในขณะนั้นรู้สึกว่าอายอย่างที่สุดเพราะว่าเกิดมาจนโตไม่เคยขอเงินใครให้เสียศักดิ์ศรี แต่ในช่วงโมงนั้นจำเป็นต้องหน้าชาเพื่อจะได้เข้าไปข้างในเมืองปอยเปต …